สอนวิธีการซื้อของใน Apple Store Thailand
หลายๆคนอาจจะกำลังสับสน หรือ กำลังสงสัยกับการสั่งของจาก Apple Store Thailand หลายคนยังคิดว่ามี Apple Store Shop ในประเทศไทย ผมย้ำเลยนะครับว่า Apple Store ในประเทศไทยไม่มีครับ โดยที่Apple Store Thailand จะอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์นั่นเอง โดยถ้าเราทำการสั่งของจาก Apple Store ของมันก็จะมาจากประเทศสิงค์โปร ในประเทศไทยมีแค่ตัวแทนจำหน่าย โดยใน Apple Store เราสามารถสั่งของได้ทุกอย่างที่ Apple มี เช่น iPhone XS , iPhone XR , iPhone 8 , iPhone 7 , iPad Pro หรือ iMac หรือจะเป็นอุปกรณ์ต่างๆ
ข้อดีของการซื้อของจาก Apple Store Thailand
1. ไม่ต้องไปแย่งหรือต่อคิวแย่งซื้อสิ้นค้าตาม Shop ต่างๆหรือศูนย์ต่างๆให้เมื่อย
2. อุปกรณ์ที่ซื้อมาจาก Apple Store ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับทางด้าน Hardware เอง เช่นจอเหลือง หรือ ปุ่ม ถ้าสินค้ามีปัญหาใน 14 วันสามารถเปลี่ยนได้ทันทีเลยครับ แต่ถ้าเครื่องมีปัญหาเกี่ยวกับทางด้าน Hardware หลังจาก 14 วัน แต่อยู่ในประกัน 1 ปี ก็สามารถติดต่อกับทาง Apple ได้ง่าย เพื่อรับการบริการการ Support ได้เลยครับ
โดยตรวจสอบประกันของ Apple ได้ที่นี้ครับ : ตรวจสอบประกันของApple
วิธีการชำระเงินในการซื้อของจาก Apple Store
1. จำเป็นต้องมีบัตรเครดิต
2.. ในการซื้อของถ้าเราซื้อของรวมกันต่อครั้งเกินกว่า 2000 บาท/ครั้ง จะส่งของให้ฟรีนะครับ
3. มีการแบ่งชำระเป็นงวดๆ แต่มีดอกเบี้ย นะครับ (0% ไม่มีแล้วนะครับ) แต่บางช่วงก็มีผ่อน 0 % 10 เดือน แล้วแต่ช่วงเวลาครับ
ทำความเข้าใจก่อนการซื้อของจาก Apple Store Thailand
1. Model ของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น iPhone , iPad Model ของเครื่องจะเป็นรหัส TH ครับ คือรหัสประเทศไทยนั่นแหละครับ เราสามารถซื้อ iPhone , iPad แล้วจากนั้นเอา Sim ของ DTAC , AIS , TrueMove H มาใส่แล้วใช้งานได้เลยครับ
2. ระยะเวลาในการส่งของ ขึ้นอยู่กับช่วงนั้นครับ โดยปกติตอนที่เราทำการสั่งของจาก Apple Store มันจะมีบอกครับว่า จะใช้ระยะเวลาในการส่งเป็นจำนวนทั้งหมดกี่วัน โดยการขนส่งของ Apple จะส่งผ่านเครื่องบิน โดยเอกชนที่มาส่งก็คือ UPS หรือ DHL ครับจะมาส่งของให้กับทางเราถึงบ้านเลยครับ ส่งเฉพาะ จ-ศ แต่สำหรับผมเองเคยได้ของไวสุด 3 วัน ก็ได้ของแล้วครับ (ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาในการสั่งของเข้าไปช่วงนั้นด้วยครับ)
3. ที่อยู่ในการส่งของให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษนะครับ เพื่อง่ายต่อการตรวจสอบ (upadate : ตอนนี้สามารถกรอกเป็นภาษาไทยได้แล้วครับ)
4. ในกล่องของ iPhone , iPad จะมีอุปกรณ์มาตราฐานต่างๆมาให้ครบทุกชิ้นครับ ไม่ต้องกังวล เช่น ซื้อ iPhone XS ก็จะได้ iPhone XS พร้อม iOS 12 , Apple EarPods , Lightning to USB Cable,USB Power Adapter , Haedphone Jack Adaptor
5. Apple Store ไม่มีอยู่ในประเทศไทย ในประเทศไทยมีแต่ตัวแทนจำหน่ายนะครับ
6. Apple Thailand Contact : 001-800-65-6957 โทรหาทาง Apple ฟรีนะครับ ให้เปิดการโทรออกต่างประเทศก่อนถึงจะโทรได้ และ บริการ Service ต่างๆ
เตรียมตัวก่อนการซื้อของจาก Apple Store Thailand
1. Apple ID สำหรับการสั่งซื้อ
2. บัตรเครดิต หรือ บัตรเดรบิต (ในส่วนของบัตรเดบิต รบกวนติดต่อธนาคารของคุณก่อนการซื้อของจาก Apple Store ครับ)
โดยถ้าใครใช้บัตรเครดิต สามารถผ่อนชำระ 0.xx % 3/6/10 เดือนได้แล้วครับ มีดอกเบี้ยนะ !!! แต่บางช่วงก็มีให้ผ่อน 0 % 10เดือน สำหรับ Apple Store โดยธนาคารที่ร่วมรายการกับทาง Apple Store มีดังนี้
SCB , KTC , Bangkok Bank , Citi Bank , Tanachart Bank
วิธีการซื้อของจาก Apple Store Thailand ละเอียดทุกขั้นตอน
สำหรับใครยังไม่มี Apple ID ให้ทำการสมัคร Apple ID ก่อนนะครับ แต่ถ้าใครมีแล้วก็ให้ข้ามขั้นตอนนี้ไป
1. ทำการเปิด WebSite : Store Apple Shop
และทำการ Login ด้วย Apple ID (หรือเรายังไม่ Login ก็ได้ ก็กดซื้อของไปก่อนแต่สุดท้ายตอนจะจ่ายเงินก็ใส่ Apple ID)
2. ทำการเลือกว่าจะทำการซื้ออะไร เช่น iPhone , iPad , Mac , Watch หรือ TV และเลือกรุ่นที่เราต้องการซื้อ
โดยให้ทำการเลือก
2.1 เลือกรุ่น iPhone
2.2 เลือกสี
2.3 เลือกความจุ และสามารถตรวจสอบได้ว่าของจะส่งหาเราเมื่อไร
โดยตรงนี้เราสามารถทำการใส่รหัสไปรณีย์ของบ้านเราลงไปได้ จากนั้นระบบจะแสดงขึ้นมาว่า ของจะจัดส่งเมื่อไร ก็เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจ
ทำการอ่านรุ่น สี ขนาด และกด ดำเนินการต่อ เพื่อทำการกรอกที่อยู่ในการจัดส่ง
จากนั้นทำการกด ดูสินค้าในถุง
3. ทาง Apple จะสรุปรุ่น / ความจุ / และราคาให้เรา ตรวจสอบความถูกต้องด้วยนะครับ
ถ้าต้องการซื้อให้กด ชำระเงิน เพื่อเป็นการดึงสินค้าเข้าคลังสิ้นค้าของเราพร้อมที่จะซื้อ
Notes : ถ้าเลือก This is a gift จะเป็นการห่อกล่องของขวัญเพิ่มนะครับ โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม (190 บาท)
แต่สำหรับ iPhone 7 / iPhone 7+ จะเพิ่ม Gift Message ฟรี
Delivery Option : ให้ทำการกด Continue เพื่อทำการขั้นตอนต่อไป
4. ทำการกรอก Shipping Address
ต้องการให้ของไปส่งที่ไหนก็กรอกตามที่อยู่ครับ : กรอกเป็นภาษาอังกฤษ
โดยทำการกรอก ชื่อ-นามสกุล (First Name – Last Name)
Mobile : ใส่เบอร์มือถือของผู้รับของ เช่น 0860324XXX
Company Name : ใส่ด้วยถ้าเป็นบริษัท
Building Number / Name / Street Name : ใส่ที่อยู่ เช่น 38/99 หรือ ตามด้วยชื่อหมู่บ้าน (ถ้ามี)
Street/Road Name , Tambon : ใส่ชื่อถนน / ตำบล
Additional Address info : เพิ่มเติมอื่นๆ (ใส่ก็ได้ไม่ใส่ก็ได้ )
Post Code : รหัสไปรย์ณีย์
District :
Thailand
5. ทำการกรอก Payment
โดยทำการกรอกชื่อผู้รับใบเสร็จ : ถ้าเหมือนกับที่อยู่ของการส่งก็ให้กด Same as shipping information ได้เลย แต่ถ้าไม่เหมือนก็ให้กรอก
จากนั้นก็ให้กรอกราบละเอียดให้ครับ โดยกรอกใส่เลขบัตรเครดิต และที่อยู่ของบิลที่จะดำเนินการ
หมายเหตุ* : Shipping Address และ Bill Address เราสามารถใส่ต่างชื่อและที่อยู่ได้นะครับ โดย Bill เป็นแค่ใบเสร็จที่ทาง Apple จะส่ง Email มาให้
6. ตรวจสอบความถูกต้องทั้ง
Shipping Address , Payment , ราคา
ถ้าคิดว่าถูกต้องก็ให้ทำการกด Place Oder Now (การกดปุ่มนี้เป็นการซื้อของแล้วนะครับ ระบบจะตัดเงินแล้วนะครับ)
7. เรียบร้อยสำหรับการสั่งซื้อของจาก Apple Store Thailand
หลังจากทำการสั่งซื้อของจาก Apple Store ทาง Apple จะทำการดังนี้
1. มี Email ส่งข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับรายละเอียดการซื้อของใน Apple Store โดยข้อมูลจะประมาณว่า เราทำการสั่งของรุ่นอะไร จำนวนเงินเท่าไร และออก Bill ให้เรา
โดยทาง Apple เมื่อมีการ Update อะไร ก็จะส่งเข้า Email ครับเกี่ยวกับข้อมูลที่เราจำเป็นต้องได้รับ
2. Email(รอเวลาดำเนินการส่ง จะมีEmail ส่งมาตอนสถานะของอยู่ใน Preparing for Shipment ) ถ้าทาง Apple กำลังจะทำการส่งของขึ้นเครื่องบินจาก Singapore มายังไทย ทาง Apple จะส่ง Tracking Number มาให้เรา โดยเราสามารถนำหมายเลขดังกล่าวมาทำการตวรจสอบสถานะการส่งของได้ตลอดเวลา โดยการส่งของจะใช้ UPS หรือ DHL แล้วแต่พื้นที่ในการจัดส่งนะครับ
3. เราสามารถ ตรวจสอบสถานะต่างๆ ของสิ้นค้าของเราผ่านหน้า Apple ได้เหมือนกัน
โดยเข้าที่ Apple Store : Apple Store > Account > Check Order Status
Track an Order ความหมายของแต่ละสถานะ โปรดอ่าน!!
– We’ve recevied your order : ทาง Apple รับ Order ของคุณเป็นที่เรียบร้อย
– Processing Items : กำลังตรวจสอบของ อุปกรณ์ และดำเนินการของทาง Apple (ถ้าต้องการเปลี่ยนรุ่น หรือ สี ขั้นตอนนี้ยังสามารถเปลี่ยนได้อยู่)
– Preparing for Shipment : ตรวจสอบก่อนการส่งของแล้วครับ (ถ้า Status มาถึงขั้นตอนนี้เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก เช่น ที่อยู่ในการจัดส่ง ,ความจุ, สีของอุปกรณ์ )
ถ้าถึงขั้นตอนนี้ จะมี Email มาหาเรา โดยทำการส่ง Tracking Number มาให้เราตรวจสอบได้ 24 ชม เลยครับว่า ของตอนนี้อยู่ที่ไหน
– Shipped : ถ้าอยูในสถานะนี้ คุณก็จะได้รับของภายใน 24 ชมครับ แต่ส่วนเวลาในการขนส่งจาก อยู่ที่ 8 โมง – 5โมงนะครับ จ-ศ (เสาร์-อาทิตย์ ไม่ส่งนะครับ)
ในวันที่ส่งของ ทาง DHL , UPS ทำการโทรศัพท์หาทางคุณก่อน ว่าพร้อมที่จะรับของไหม หรือ จะให้ใครรับแทน (สำหรับผมเองผมออกมาทำงาน แต่ผมให้ทางคุณแม่รับให้ ก็ได้นะครับ) โดยพัสดุที่ส่งมาให้ทางเรานั่นห่ออย่างดีครับ มีซองกันกระแทกด้วย รับรองสบายใจได้ครับ เพราะผมสั่งของจาก Apple Store หลายครั้งแล้ว